โปรโมทเว็บไซต์คุณกับแอดยิ้มวันนี้ กระจายโฆษณาของคุณ สู่เว็บไซต์คุณภาพ

บทความล่าสุด

เว็บไซต์ e-commerce เขียนเว็บ HTML php Hosting

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กลโกงออนไลน์ ที่ต้องระวังตัว

กลโกงรูปแบบต่างๆ (Internet Fraud and Criminal)
  • การทำ Phishing
    การหลอกลวงขั้นสูงทางอินเตอร์เน็ตในรูปแบบของการปลอมแปลงอีเมล์ หรือข้อความที่สร้างขึ้นเพื่อหลอกให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลทางด้านการเงินหรือ ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ อาทิ ข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิต หมายเลขประจำตัวผู้ใช้ (User name) รหัสผ่าน (password) หมายเลขบัตรประจำตัว อ่านเพิ่มได้ที่
    • หลอกคนเข้าเว็บเพื่อแอบขโมยข้อมูลด้่วยเทคนิค ตกปลาโง่ (Phishing) - phishing คืออะไร
    • เทคนิคการโจมตีแบบ "Phishing"
    • แฉ 7 กลลวงสแปมเมลใหม่ ฉลองอีเมลขยะอายุครบ 30 ปี

  • ขโมยเลขบัตรเครดิต
    • ลักลอบดักข้อมูลบัตรเครดิตก่อนจะส่งถึงธนาคาร
               วิธีนี้ค่อนข้างใช้เทคนิค และความรู้เฉพาะทางของคนร้าย โดยแอบเชื่อมต่อดักการเก็บข้อมุลกับสายสัญญาณอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นสายให้เช่า (Lease line) หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่าง เอดีเอสแอล (ADSL) ที่ผ่านมาทางสัญญาณโทรศัพท์ แล้วแอบดักจับข้อมูลลูกค้าระหว่างทาง หรือระหว่างการใช้งาน internet หลังจากนั้นจะเอาข้อมูลที่ได้มาถอดรหัส แล้วนำไปใช้ในทางทุจริตต่อไป ข้อแนะนำ
      ควรอยู่ใกล้ในบริเวณที่ร้านค้าทำการรูดบัตรเพื่อสังเกตการณ์ทำรายการของ พนักงาน ชำระเงิน และ ควรระมัดระวังและสอบถามสาเหตุหรือความจำเป็นของเจ้าหน้าที่บัตรกรณีที่ต้อง ให้ข้อมูลบัตรก่อนที่จะบอกข้อมูลส่วนตัวแก่พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ผู้อ้าง ตัว สำหรับการซื้อของออนไลน์ เมื่อถืงหน้าที่จะต้องกรอกหมายเลขบัตรเครดิต ควรสังเกตุให้ดีกว่า หน้านั้นได้เข้าสู่การเข้ารหัสไว้รึเปล่า โดยสังเกตุได้จาก รูปกุญแจ ที่หน้าต่างของ browser  ซึ่งถ้าหากมี แสดงว่าหน้าที่คุณกำลังจะกรอกข้อมูลบัตรเครดิต มีการเข้ารหัสไว้แล้ว คนที่ดักข้อมูลของคุณไประหว่างทาง จะไม่สามารถเปิดข้อมุลได้ เพราะจะมีการเข้ารหัสด้วยเทคโนโลยี SSL (Secure Socket Layer) เอาไว้แล้ว

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สาเหตุที่เว็บ E-Commerce ไม่ประสบความสำเร็จ

สาเหตุที่เว็บ E-Commerce  ไม่ประสบความสำเร็จ

สาเหตุที่เว็บ ไม่ประสบความสำเร็จ

การ ทำอีคอมเมิร์ชนั้น คงไม่ใช่แค่เพียงการสร้างเว็บไซต์ขึ้นมา แล้วใครต่อใครก็ต่ออินเทอร์เน็ตเข้าไปดูกันได้เท่านั้น เพราะหากว่าไปแล้ว เว็บไซต์ก็เหมือน "ภาพพจน์" หนึ่งของบริษัท หากท่านอยากทำเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จ ควรคำนึงถึงอุปสรรคเหล่านี้ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญวัดชะตาว่าเว็บของท่านจะ รุ่งหรือร่วง

1. การนำเสนอข้อมูลบนเว็บไซต์ หลายเว็บไซต์ยังขาดทักษะเรื่องของภาษา การนำเสนอขายสินค้า
บางครั้งแค่ใส่ขนาดกับราคาเพียงเท่านั้น ขาดรายละเอียดทั้งในเรื่องของวัสดุ การใช้งาน และข้อมูลต่างๆ
ที่ ลูกค้าต้องการเพิ่ม ที่สำคัญ นโยบายรับคืนสินค้า หลายเว็บไซต์มักเกรงปัญหาของคืน จึงไม่ได้ใส่เงื่อนไขสำคัญนี้ในเว็บของตน หรือบางเว็บไซต์ก็ใส่ข้อมูลที่เยอะมากเกินไป กว่าลูกค้าจะคลิกเข้าไปซื้อของได้ก็เสียเวลาเปิดเข้าไปในแต่ละหน้านานมาก

2. ขาดบุคคลากรที่มีความรู้ การนำเสนอข้อมูลที่ขาดรายละเอียดนั้น บางครั้งมีลูกค้าอีเมล์มาสอบถามเพิ่มเติม แต่บางเว็บไซต์ไม่ได้ตั้งบุคคลากรเพื่อดูแลปัญหานี้ หรือขาดความรู้ในการเข้าถึงเทคโนโลยี
มีผู้ประกอบการหลายราย เปิดเว็บไซต์แล้ว ไม่ได้ตรวจอีเมล์ หรือตอบช้าเกินไป

3. ขาดการวางแผนตลาดรองรับ การมีเว็บไซต์เป็นเสมือนการเปิดร้านแห่งหนึ่งขึ้นบนโลกไซเบอร์ ซึ่งวันหนึ่งๆ มีเว็บเกิดขึ้นเป็นหมื่น หากไม่มีการวางแผนประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายรู้จัก ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ หลายเว็บเกิดขึ้นมาแบบขาดการวางแผน เห็นธุรกิจอื่นมีเว็บกัน ก็แค่อยากมีกับเขาบ้าง

4. ขาดการส่งเสริมอย่างจริงจัง มีหลายเว็บที่เปิดขึ้นมาแล้ว ขาดการดูแล ผู้ซื้อเข้ามากี่เดือนก็พบรูปแบบเหมือนเดิม ซ้ำโปรโมชั่นเก่าที่เอามาลดราคาก็หมดเขตไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้เว็บขาดความเชื่อถือ
ดังนั้น เมื่อเปิดเว็บแล้ว ต้องติดตาม ตรวจสอบสถิติ และพัฒนาเว็บไซต์ของตนให้ทันสมัยอยู่เสมอ

แชร์ประสบการณ์การทำ ธุรกิจ E-Commerce

ขอแชร์ประสบการณ์ตรงของผมนะครับ อาจจะอ่านงง ๆ เพราะผมพิมพ์เลย ขี้เกียจมานั่งเกลา 

ส่วน ตัวทำเว็บขายต่างประเทศมาหลายปีแล้ว ขายกระเป๋าหนังครับ ทุกวันนี้มีออร์เดอร์สั่งมาเฉลี่ยวันละ 10 ใบ (ชิ้นนึงหักลบแล้วผมได้กำไรอย่างต่ำ 500 บาท) ยังไม่นับคู่ค้าที่ซื้อไปขายต่อ ที่มีมาประจำทุกเดือน ผมขอแบ่งการทำงานของผมดังนี้นะครับ

Website
หัวใจหลักของธุรกิจ ของผม เพราะเราไม่มีหน้าร้าน ลูกค้าไม่สามารถจะจับต้องสินค้าได้ก่อนตัดสินใจซื้อ ฉะนั้นต้องคิดให้ดีว่า ออกแบบยังไงให้สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ ซึ่งการทำงานในส่วนนี้ผมแบ่งย่อยลงไปอีก

1. Design
ผมเคยทำงานออก แบบเว็บไซต์ครับ พอตัดสินใจกระโดดมาจับสินค้าและสร้างเว็บส่วนตัว แรกเริ่มเลยออกแบบเว็บอย่างเทพครับ ใส่แฟลชอลังการ หน้าเว็บประกายวูบวาบ กะว่าลูกค้าเข้ามาต้องประทับใจในฝีมือการออกแบบของผมแน่ ๆ  แต่ผมคิดผิด!!! ทำอยู่ปีแรก ไม่มีออร์เดอร์เลยครับ ตอนนั้นก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ทำไมไม่มาซื้อสินค้า ทั้ง ๆ ที่ราคาก็ไม่แพง (เรื่องการตั้งราคาขอข้ามก่อนไว้อ่านต่อด้านล่าง) คิดจนหัวแตก เลยตัดสินใจเปิดดูเว็บขายสินค้าของต่างประเทศ เว็บเหล่านี้ออกแบบง่าย ๆ ครับ สะอาดสะอ้าน มีการวางลิงค์เข้าหาสินค้าชัดเจน พูดง่าย ๆ เปิดมาปุ๊ปซื้อของได้ปั๊ป ไม่ต้องมานั่งดู Flash Intro หรือความหาทั้งเพจเพื่อจะเข้าไปดูโปรดักซ์ แต่สุดท้ายก็ยังไม่เจอ?!!? ผมจึงปรับปรุงรูปแบบเว็บใหม่ กว่าจะลงตัวทุกวันนี้ได้ ก็เปลี่ยนไปสองสามครั้งครับ และก็ยังคงคิดที่จะพัฒนาปรับปรุงมันอยู่ทุกวัน

2. Promote
มีเว็บแล้ว ต้องป่าวประกาศครับ ว่าเราขายอะไร ในที่นี้ผมทำอะไรบ้างมาดูกัน

1.1 SEO
ได้ เว็บหน้าตาใหม่แต่งสูทผูกไทอย่างดีแล้ว แต่จำนวนออร์เดอร์ก็ยังไม่มาตามที่ผมคาดหวังไว้ เอาล่ะวา!! เกิดอะไรขึ้น เริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง ที่มันไม่มีคนมาซื้อของ ๆ เรา อาจจะเป็นไปได้ว่า ๆไม่มีใครรู้ว่าเราทำเว็บนี้ขึ้นมา หรือเขาอาจจะค้นใน Search Engine ไม่เจอเว็บเราก็เป็นได้ เพราะได้คำตอบแล้ว ก็เริ่มศึกษา SEO แล้วล่้ะครับ และผมตั้งเป้าไว้ว่า จะโปรโมทเว็บโดยไม่ใช้ PPC เลย (ตอนนั้นไม่มีทุน) ผมใช้เวลาสามเดือน ทำให้เว็บติดอันดับต้นๆใน google จนได้ ซึ่งวิธีการ ผมก็หาอ่านเอาในเว็บนี่แหละครับ ซื้อหนังสือมาบ้าง ปรับออนเพจ ใส่คีย์เวิร์ดเดนซิตี้ กันสนุกมือ ซับมิต SB, SE กระจาย สุดท้ายก็สำเร็จดังตั้งใจไว้ครับ แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะทำมันต่อไป

1.2 Classified Board
ตอน ที่ยังรับงานออกแบบเว็บอย่างจริงจัง ผมใช้วิธีโพสต์ตามเว็บลงประกาศ โพสต์โปรโมทเว็บให้กับลูกค้า ซึ่งก็ได้ผลดีระดับนึงเลยครับ แต่ต้องไม่ลืมใส่ลิงค์ของเว็บลงไปด้วยนะ ทีนี้พอมาขายสินค้าเอง ก็ยังใช้วิชานี้ในการเรียกลูกค้าเข้าร้านอยู่ครับ แต่เปลี่ยนจากโพสต์ในเว็บลงประกาศในไทย ก็ไปหาเว็บของต่างประเทศแทน อยากได้ประเทศไหนก็ค้นประเทศนั้นเลย เช่น usa classified board, uk free classified เป็นต้น ทำลิสต์ไว้แยกเป็นประเทศ ผมจะมีเว็บดู Worldtime (หาไม่ยาก) เพื่อดูว่าขณะที่เราโพสต์อยู่เนี่ย ประเทศนั้น ๆ กี่โมงแล้ว ถ้าโพสต์ไปแล้ว เขาจะมาเห็นโฆษณาเรามั้ย เพราะประกาศฟรีทั้งหลายมันจะลงไปเร็วมา โพสต์ชั่วโมงสองชั่วโมง ประกาศของเราก็ถูกผลักจนหายไปเลย

1.3 Email Marketing
ในเว็บของ ผมจะมีหน้าสำหรับให้ผู้เยี่ยมชมสมัครเพื่อรับข่าวสารจากทางเว็บ ผมก็ใช้ช่องทางนี้แหละครับ โปรโมทสินค้าใหม่ หรืออาจจะมีจัดรายการโปรโมชั่นส่งเฉพาะผู้ที่สมัครรับข่าวสารจากทางเรา คิดกลยุทธ คิดการตลาดไปเรื่อย ๆ สนุกครับ

1.4 Social Network
อัน นี้ผมเพิ่งลองได้ไม่นาน ก็เห็นว่าน่าจะไปได้ดีทีเดียว ผมเลือกใช้อยู่สองตัวคือ Facebook และ Twitter เอาไว้ส่งข่าวสาร พูดคุย รับฟังข้อติชม เพื่อเอามาพัฒนาสินค้าของเรา และเป็นการสร้าง CRM (Customer relationship management) ที่ง่ายและได้ผลดีระดับนึง

กลยุทธ์การตั้ง ราคาสินค้า Online

ปัญหาที่ผู้ประกอบการอยากรู้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง ก็คือ เรื่องการตั้งราคาสินค้า เนื่องจากการขายของผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น แม้ว่าจะไม่มีพรมแดน เรื่องการสั่งซื้อ แต่ก็จะมีปัญหาค่าขนส่งซึ่งเมื่อบวกค่าสินค้าเข้าไปแล้ว ลูกค้าบางคนอาจจะรู้สึกว่า “ซื้อแพง” ?

เมื่อย้อนไปดูพื้นฐานของการตั้งราคาสินค้าในช่องทางการขายปกตินั้น เราคำนึงถึง 3 ปัจจัยต่อไปนี้
1. ต้นทุนการผลิตสินค้า
ตั้งแต่วัตถุดิบ การขนส่งวัตถุดิบมาเพื่อแปรรูป พัฒนาคุณภาพ บรรจุภัณฑ์ที่พร้อมจำหน่าย

2. ราคาของคู่แข่งขัน
หาก สินค้าเราไม่ใช่สินค้าใหม่ถอดด้ามก็ต้องคำนึงถึงราคาของสินค้าคู่แข่งที่วาง ตลาดไว้ หากเทียบคุณภาพแล้ว ใกล้เคียงกัน เราก็ไม่สามารถที่จะตั้งราคาสูงกว่าเขาได้ แต่ถ้ามั่นใจว่าสินค้าเรามีคุณภาพดีกว่า เราก็สามารถที่จะทำราคาเหนือคู่แข่งด้วย ที่สำคัญต้องให้ลูกค้า หรือผู้ซื้อรู้สึกเช่นนั้นด้วย เขาจึงจะยอมจ่ายแพงกว่า

3. ค่าดำเนินการต่างๆ
ราคา สินค้าที่ผู้บริโภคคนสุดท้ายจ่ายในปัจจุบันนั้น ได้รวมถึงค่าโฆษณา ค่าฝากขาย และค่าดำเนินการต่างๆ อย่างมากมาย แม้แต่ในอินเทอร์เน็ตเอง การที่ลูกค้าใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าของเราบนเว็บไซต์ ธนาคารก็คิดค่าธรรมเนียม 3-5% ของราคาขายด้วย

ปัจจัยดังกล่าวนี้ ล้วนมีผลในการตั้งราคาขายสินค้าทั้งสิ้น

แต่ การขายสินค้าบนอินเทอร์เน็ตนั้น สามารถลดต้นทุนในค่าดำเนินการต่างๆ ไปได้มาก เช่น ค่าเช่าสถานที่ ค่าพนักงานขาย ค่าน้ำ ค่าไฟ ดังนั้นจึงทำให้ต้นทุนส่วนนี้ สินค้าหลายประเภทจึงสามารถตั้งราคาขายได้ต่ำกว่าช่องทางการค้าปกติ

อีก ประการหนึ่งการขายสินค้าบนอินเทอร์เน็ตนั้น ผู้ประกอบการ SMEs ไม่จำเป็นต้อง สต๊อกสินค้าเป็นจำนวนมาก เพราะลองทำ สินค้าตัวอย่างขึ้นมา แล้วประชาสัมพันธ์ให้คนเข้ามาดู หากสนใจจึงค่อยผลิต โดยวิธีการเหล่านี้ก็ช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบได้มาก และเมื่อผลิตแล้วก็สามารถสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด